ออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ ของผลิตภัณฑ์
คู่มือที่ดีที่สุด การออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ สำหรับผลิตภัณฑ์ ก่อนเริ่มออกแบบ มีคำถามสามข้อ ที่คุณต้องมีคำตอบก่อนที่จะเริ่ม ออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ ของคุณได้
1. ผลิตภัณฑ์ คืออะไร ?
– คุณขายอะไร ? มันใหญ่แค่ไหน ? ทำจากวัสดุอะไร ?
คำถามนี้ จะช่วยให้คุณทราบได้ว่า มีข้อกำหนดด้านลอจิสติกส์ สำหรับบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ ของคุณ หรือไม่ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่บอบบาง จะต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยมากขึ้น ในทางกลับกัน สิ่งที่มีขนาดใหญ่ หรือมีขนาดแปลก ๆ อาจต้องใช้วิธีการบรรจุภัณฑ์ ที่ดีไซน์ขึ้นมาใหม่

2. ใครเป็นคนซื้อผลิตภัณฑ์
กล่องบรรจุภัณฑ์ ของผลิตภัณฑ์ ควรดึงดูดใจผู้บริโภคในอุดมคติ สิ่งสำคัญ คือ ต้องรู้ว่าใครคือผู้บริโภครายนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มกระบวนการออกแบบ
3. คนซื้อสินค้า เป็นอย่างไร?
คุณจะต้องคิดเกี่ยว กับกล่องบรรจุภัณฑ์ ให้แตกต่างออกไป หากสินค้าจะขายทางออนไลน์ และจัดส่งมากกว่าที่จะต้องโดดเด่นกว่าคู่แข่ง บนชั้นวางของในร้านค้า สินค้าที่จะขายทางออนไลน์ ไม่ควรมีพื้นที่ไม่ว่างมากจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้สินค้าสั่น หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์เสียหายได้
ข้อกำหนด ในการออกแบบ ดังนี้
บางครั้ง ผลิตภัณฑ์ก็อยู่โดด ๆ และ ในบางกรณีก็เป็นตัวแทนของแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับ หากกล่องบรรจุภัณฑ์ของคุณ จำเป็นต้องแสดงถึงความสวยงามของแบรนด์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รวบรวมข้อมูลต่อไปนี้ก่อนที่จะเริ่ม :
- สี หากคุณมีค่า C M Y K หรือ Pantone Matching Values ( PMS ) อยู่แล้ว ให้รวมสีที่มีไว้สำหรับการพิมพ์ โดยเฉพาะ
- แบบอักษร ตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าคุณมีแบบอักษรที่เหมาะสม และ คำแนะนำการใช้งานเฉพาะ ( เช่น การจัดช่องไฟ หรือ น้ำหนัก )
- โลโก้ หากคุณต้องการใส่โลโก้บนบรรจุภัณฑ์ ตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าคุณมีไฟล์เวกเตอร์
- เนื้อหาที่ต้องมีบน กล่องบรรจุภัณฑ์ สิ่งนี้จะค่อนข้างไม่ซ้ำใคร สำหรับผลิตภัณฑ์เฉพาะของคุณ แต่คุณจะต้องแน่ใจว่า คุณได้จัดเรียงข้อมูลทั้งหมด ก่อนที่จะเริ่มออกแบบ อาจมีบางสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใส่บนบรรจุภัณฑ์ด้วย เหตุผลทางกฎหมาย
- สำเนา เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งอาจรวมถึงอะไรก็ได้ ตั้งแต่ชื่อผลิตภัณฑ์ของคุณ ไปจนถึงคำอธิบายไปจนถึงคำที่ดึงดูดให้คนซื้อ
- ภาพ ต้องการใส่รูปถ่ายบนกล่องบรรจุภัณฑ์ของคุณ หรือไม่ ? คุณจะต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มกระบวนการออกแบบ
- เครื่องหมายที่จำเป็น คุณอาจต้องระบุบาร์โค้ด ข้อมูลโภชนาการ เครื่องหมายสมาคม ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ / อุตสาหกรรมของคุณ
- รู้ว่าคุณต้องการเนื้อหาชั่วคราว อะไรบ้าง ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น อาหาร หรือ เครื่องสำอาง มีข้อมูลเพิ่มเติม ที่ต้องใส่ในผลิตภัณฑ์ชุดต่าง ๆ ( วันหมดอายุ หรือ หมายเลขชุด ) คุณอาจไม่ต้องการพิมพ์ ลงบนบรรจุภัณฑ์ของคุณโดยตรง เนื่องจากบรรจุภัณฑ์จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่คุณจะต้องแน่ใจ ว่าได้ประหยัดพื้นที่ สำหรับสติกเกอร์ หรือตราประทับที่จะติดในภายหลัง พร้อมข้อมูลดังกล่าว
- สไตล์ที่ชอบ และ ไม่ชอบ เป็นความคิดที่ดี ที่จะทำการวิจัยสไตล์ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการออกแบบ เริ่มสะสมบรรจุภัณฑ์ที่ชอบ และ หาแรงบันดาลใจ ด้านสไตล์ที่คุณต้องการ
- งบประมาณ คุณจะต้องมีความคิดเกี่ยวกับจำนวนเงิน ที่คุณต้องการใช้จ่ายก่อนที่จะเริ่มกระบวนการออกแบบ จำไว้ว่าของถูกกว่าไม่ได้ดีกว่าเสมอไป การจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อยสำหรับเนื้อหาของคุณ อาจทำให้งาน นำเสนอของคุณดีขึ้น โดยทำให้คุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง
ขั้นตอน การผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ สำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณ
จากผลวิจัย พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคจะกลับมาซื้อผลิตภัณฑ์ซ้ำ และ จำนวนมากจะแชร์ลงสื่อโซเชียมีเดียของตัวเอง หากได้รับสินค้าที่บรรจุในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี และมีคุณภาพที่เยี่ยม
1. เตรียมการ วางแผน สำหรับผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์
ขั้นตอนที่หนึ่ง เราจำเป็นต้องประเมิณ และชี้ชัดรายละเอียดใน 3 เรื่องหลัก สำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์ของคุณ
- ต้นทุนด้านการผลิต และการขนส่งทั้งหมดเท่าไร ?
- ทางเลือกทั้งหมด สำหรับผลิตกล่องบรรุจภัณฑ์ของคุณ คืออะไรบ้าง ?
- กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ดี่ที่สุด สำหรับสินค้าของคุณ คืออะไร ?
2. การวัดขนาด กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการผลิต
การวัดขนาดกล่อง ควรวัดขนาดกล่อง ให้ครบทั้งด้านกว้าง ด้านยาว ด้านสูง ว่ามีขนาดเท่าไร เพื่อที่จะทำให้นำกล่องไปใช้ได้งานอย่างเหมาะสม และถูกต้อง
3. เลือกชนิดของกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้า
- กล่องกระดาษพับได้ ( Folding Carton )
- กล่องกระดาษลูกฟูก ( Corrugated Paper )
- กล่องจัวปัง หรือ กล่องแข็งพิเศษ ( Rigid Box )
4. เลือก ชั้นเสริม สำหรับ ออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์
ชั้นเสริมจะช่วยป้องกัน และการจัดเรียงสินค้า ให้กับตัวกล่องบรรจุภัณฑ์
- ชั้นเสริมแบบโฟม
- ชั้นเสริมแบบการ์ดบอร์ด (กระดาษกล่อง)
- ชั้นเสริมแบบถาดพลาสติก หรือเรียกว่าถาดบลิสเตอร์
- ชั้นเสริมแบบเยื่อกระดาษขึ้นรูป (Molded Pulp)
5. เลือกวิธีการพิมพ์
- พิมพ์ระบบออฟเซ็ท คือ การพิมพ์ ที่ใช้การต่อพ่วงเครื่องพิมพ์กับคอมพิวเตอร์ โดยเครื่องพิมพ์จะรับข้อมูลภาพจากคอมพิวเตอร์ แล้วพิมพ์ออกมาสามารถพิมพ์ได้หลากหลาย
- พิมพ์ระบบดิจิตอล คือ การพิมพ์ที่ใช้หลักการน้ำกับน้ำมันไม่รวมตัวกัน เป็นแบบการพิมพ์ ที่อาศัยแม่พิมพ์ (Plate) โดยใช้เพลต ที่ผลิตขึ้นจะอาบด้วยน้ำยาเคมี ที่ทำให้เพลตอมหมึกแต่ไม่อมน้ำเครื่องพิมพ์ยังมีหลายขนาด มีทั้งเครื่องพิมพ์ 1 สี 2 สี 4 สี 5 สี หรือ มากกว่านั้น

6. เลือกการเคลือบ (Coating)
- เคลือบยูวี (UV coating) ให้ผิวและสัมผัสได้หลายรูปแบบ เช่น ผิวเงา มัน ด้าน
- เคลือบด้วยฟิล์มลามิเนต (Lamination) คุณสมบัติ และลักษณะคล้ายกับเคลือบลามิเนต ต่างตรงไม่ต้องใช้ชั้นฟิล์มในการเคลือบ
7. เพิ่มเอฟเฟคพิเศษ (Embellishment)
- Spot UV การเพิ่มเอฟเฟคพิเศษ สำหรับคนที่ต้องการความเงาเฉพาะจุด
- Foiling การเพิ่มเอฟเฟคพิเศษ โดยการใส่สี ฟอยล์ เมทัลลิค ด้าน หรือ เงา หรือ โฮโลแกรม บริเวณโลโก้ หรือจุดที่ต้องการเน้น
- Embossing การเพิ่มเอฟเฟคพิเศษ ที่ต้องการเพิ่มจุดนูนเฉพาะจุด บนงานพิมพ์ / บรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะบริเวณโลโก้ และตัวหนังสือ
- Window Patching การเพิ่มเอฟเฟคพิเศษ เหมาะสำหรับการเว้นที่ว่างบนกล่อง / บรรจุภัณฑ์ พร้อมติดฟิล์มใสบริเวิณนั้นของด้านใน ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าด้านใน
- Debossing การเพิ่มเอฟเฟคพิเศษ ตรงข้ามกับปั้มนูน สำหรับคนที่ต้องการความลึกเฉพาะจุดบนงานพิมพ์ / บรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะบริเวณโลโก้ และตัวหนังสือ
8. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design)
คือการกำหนดรูปแบบและโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ ให้เหมาะสมและสัมพันธ์กับตัวสินค้า เป็นอีกขั้นตอนนึงที่สำคัญมากๆ หากคุณไม่มีนักออกแบบที่ไว้ใจ คุณสามารถใช้บริการออกแบบบรรจุภัณฑ์จากเรา โดยมีทีมงาน นักออกแบบกราฟิก ออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ เฉพาะทาง พร้อมให้บริการ
9. ออกแบบเส้นไดคัท/รูปทรงเส้นตัด และการเตรียมอาร์ตเวิร์ค
- Dielines ส่วนใหญ่จะถูกสร้างในคอมพิวเตอร์ ด้วยโปรแกรมเช่น Adobe illustrator โดยปกติ งานออกแบบอาร์ตเวิร์ค มักถูกสร้างพร้อมๆเส้น Dielines
- การเตรียมอาร์ตเวิร์คร่วมกับ Dielines เมื่อมาถึงจุดนี้ต้องมานั่งตรวจสอบ องค์ประกอบ เนื้อหาต่างๆ ที่ต้องการนำเสนอ ผ่าน อาร์ตเวิร์คว่าถูกต้อง ครบถ้วน และหากถ้าต้องมีการใช้รูปภาพจริงในชิ้นงาน โปรดใช้ภาพที่มีความละเอียดอย่างน้อย 300 DPI
10. การทำชิ้นงานตัวอย่าง (Prototyping)
ในขั้นตอนนี้ ลูกค้าสามารถของดูตัวอย่างก่อนสั่งผลิต ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่าง 3D หรือ การตัดชิ้นงานจริง
11. การผลิต และการจัดส่ง (Production and Shipping)
หลังจากที่เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนข้างต้นจนครบ ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือขั้นตอนผลิต และจัดส่ง ลูกค้าต้องคอนเฟิร์มที่จะผลิต เพื่อยืนยัน และหลังจากนั้นก็รอผลิต หลังผลิตเสร็จทาง โรงพิมพ์ ก็จะจัดส่งให้ตามที่อยู่

จากขั้นตอนทั้งหมด 11 ขั้นตอน ทางเราโรงพิมพ์ box conner art ยินดีให้บริการ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้าย รวมครบจบที่เรา โดยมีทีมงานคุณภาพพร้อมให้บริการ และให้คำแนะนำสำหรับทุกข้อสงสัย
อ้างอิง https://99designs.com